วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทความ 4



เชื่อว่าหลายๆคนคงมีรถในฝัน และหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ Lamborghini รถกระทิงดุ สัญชาติ อิตาลี ซึ่งเจ้าของบล็อคจะพาทุกคนไปรู้จักกับต้นกำเนิด "Lamborghini" 
            ใครจะทราบบ้างว่าแท้จริงแล้ว หนึ่งรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถระดับซุปเป อร์คาร์อย่าง "แลมเบอร์กินี" นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากความไม่พอใจเล็กๆ ของใครคนหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาจนกลายมาเป็นรถสปอร์ ตชื่อก้องโลกในปัจจุบัน ซึ่งใครคนนั้น มีนามว่า "เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี"


           ลัมโบร์กีนี นั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับ ความเร็ว และความหรู เช่นเดียวกับ เฟอร์รารี การออกแบบตราสัญลักษณ์ของลัมโบร์กินีนั้นได้รับไอเดียมาจากการแข่งขันสู้วัวกระทิง ในประเทศสเปน


           เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี คือชื่อของผู้สร้างตำนานบทใหม่ของรถสปอร์ตระดับซุปเป อร์คาร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2459 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเหนือของอิตาลี  Ferruccio Lamborghini เกิดในตระกูลชาวนา เขาได้มีความสนใจในด้านเครื่องยนต์เป็นพิเศษ ดัดแปลงเครื่องจักรกลที่ใช้ในไร่นา      
 เมื่อโตขึ้นได้เข้าเรียนในวิทยาลัย อุตสาหกรรม ที่เมืองโบโลญญ่าหลังจากที่ได้ศึกษาเป็นเวลาหลายปีก็ สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ ทางด้านอุตสาหกรรม เฟอรุชชิโอ เริ่มทำงานในอู่ซ่อมเครื่องยนต์ เมื่อช่วงต้นอายุยี่สิบของเขานั้น สงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น และเขาได้เข้าร่วมรับใช้ชาติด้วยการทำงานที่ฐานทัพอา กาศอิตาลีที่เมือง Rhodes โดยทำหน้าที่ซ่อมแซมยวดยาน หลังจากที่ สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขาถูกบังคับให้ทำงานดังกล่าวด้วยการซ่อมยวดยานของฝ่ ายสัมพันธมิตรต่อไปอีกจนถึงปี พ.ศ. 2489 ในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้าน และได้เริ่มต้นซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ของอิตาลี ที่ยังคงใช้อะไหล่จากยวดยานของทหาร และนี่เองคือ จุดเริ่มต้นในการตั้งโรงงานแทรกเตอร์ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักธุรกิจ 


        เฟอรุชชิโอเป็นคนที่เข้าใจชีวิต และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นเพราะว่าเขาให้ความสนใจในเรื่องยานยนต์โดยเฉพาะประเภทที่มีความเร็วสูง เขาจึงซื้อ เฟอร์รารีหลายคัน ในช่วงเวลานั้น การสร้างรถเฟอร์รารี สำหรับถนนปกตินั้นทำการผลิตกันแบบขอไปที เจ้าของรถเฟอร์รารีหลายคนไม่พอใจในรถของ ตนเอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะร้องเรียน เพราะกลัวว่าตนเองอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อรถได้อีก และจากสาเหตุของการให้บริการหลังการขาย ที่ย่ำแย่ เนื่องจาก เอนโซ เฟอร์รารี นั้นได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจทั้งหมดของเขาไปที่รายการแข่งรถ ส่วนรถที่ใช้สำหรับขับขี่บนถนนถูกผลิตขึ้นเพื่อนำเงิ นที่ได้ไปพัฒนารถแข่งของเขาเท่านั้น ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 60 เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ถอย เฟอร์รารี 250 GT ถึงกระนั้นเขาก็ต้องส่งรถคันดังกล่าวเข้า ซ่อมหลายครั้งและดูเหมือนว่ามันไม่เคยได้รับการซ่อมแซมได้อย่างถูกต้องเลย และนี่คือปฐมเหตุในการเริ่มต้น ตำนานของ "แลมเบอร์กินี"


          ลัมโปร์กินี เป็นชื่อของรถสปอร์ทที่ปรากฎตัวออกสู่สายตาโลกเมื่อประมาณสามทศวรรษที่ผ่าน มานี้เอง แต่ชื่อเสียงและกิตติคุณของรถสปอร์ทพันธ์อิตาลียี่ห้อนี้ กลับโด่งดังไม่แพ้รถสปอร์ทเก่าแก่อย่าง อัลฟา-โรเมโอ เฟร์รารี หรือ มาเซราตีนั่นเลย สัญลักษณ์ของ ลัมโบร์กินี เป็นรูปวัวกระทิง บรรจุอยู่ในโล่ โดยมีแถบชื่อ LAMBORGHINI พาดทับอยู่ด้านบน การที่ลัมโบร์กินีใช้รูปวัวกระทิงเป็นสัญสักษณ์ก็เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้เป็น สัญลักษณ์ปีเกิดของผู้ก่อตั้งกิจการนั่นเอง เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี (FERRUCCIO LAMBORGHINE) ชาวอิตาลีผู้ก่อร่างสร้างตัวจากเงินในกระเป๋าไม่กี่หมื่นลีร์ จนกลายเป็นนักธุรกิจระดับ “มัลติมิลเลียนแนร์” ผู้มีกิจการใหญ่โตในวงการอุต-สาหกรรมรถแทรคเตอร์และเครื่องปรับอากาศของ เมืองมะกะโลนี ได้ควักเงินทุนก้อนหนึ่งก่อตั้งบริษัท ออโตโมบิลี เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี เอศพีเอ (AUTOMOBILI FERRUCCIO LAMBORGHINI S.p.A.) ขึ้นเมื่อปี 1962 โดยที่จุดมุ่งหมายของบริษัทเกิดใหม่นี้ก็คือ ผลิตรถสปอร์ทชั้นยอดออกขายแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่างเฟร์รารีนั่นเอง
           ด้วยแรงฮึด Lamborghini จึงอยากสร้างรถของตัวเองให้ดีกว่ารถ Ferrari ภายใต้ชื่อ Automobili Lamborghini ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1962 ซึ่งโรงงานห่างจาก Ferrari เพียงแค่ 15 กม. เท่านั้น ต่อจากนั้นค่ายรถยนต์เจ้าของสัญลักษณ์กระทิงเปลี่ยวก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการรถสปอร์ตในยุโรป ให้ได้ตื่นตะลึงกับรูปแบบของตัวรถ Lamborghini และเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ การวางตำแหน่งเครื่อง และการบังคับควบคุมที่วิศวกรและนักขับทดสอบของบริษัทร่วมกันคิดค้นและพัตนา จนเสร็จสมบูรณ์เป็น Lamborghini 350 GTV ดังภาพด้านล่าง


            เขาได้ขายกิจการรถแทร็กเตอร์และรถไถนาของ Lamborghini ให้กับบริษัท Same ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร จากนั้นไม่นานบริษัทได้ประสบกับปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายลงในปี 1977 และถูกซื้อโดยพี่น้องตระกูล Mimran แต่กิจการก็ยังติดขัด จึงถูกขายต่อให้กับบริษัท Chrysler แต่ก็ยังเกิดปัญหา จึงถูกขายต่ออีกทอดไปยังกลุ่มทุนจากอินโดนีเซีย และที่สุดท้ายบริษัท Audi AG ทำให้ Lamborghini กลับมามั่นคงอีกครั้งจากการดูแลพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์จากวิศวกรและทีมงานจากเยอรมัน ที่มีความมุ่งมั่นบวกกับเงินทุนมหาศาลทำให้หวนสู่วงการซูเปอร์คาร์อีกครั้งในนามของ Gallardo และ Murcielago ซึ่งเป็นการผสานนวัตกรรมของ Lamborghini และ Audi เข้าด้วยกัน ทำให้ขายได้มากกว่า 9,000 คันในเวลานั้น



เครื่องยนต์
ตัวย่อ LP ในชื่อรุ่น Huracán LP 610-4 หมายความถึงการวางเครื่องยนต์ V10 ที่ถูกออกแบบใหม่ มันถูกวางเช่นเดียวกันกับรถ Lamborghini รุ่นอื่นๆ ตามแนวยาวของตัวรถอยู่ที่ด้านหลังคนขับ ("longitudinaleposteriore") โดยที่เลข 610 นั้นเป็นกำลังขับในหน่วยแรงม้าซึ่งคำนวณแล้วเท่ากับ 449 กิโลวัตต์ที่จะมีให้ใช้ที่ 8,250 รอบ/นาที ด้วยตัวเลขนี้มันจะให้กำลังไม่น้อยกว่า 86.3 กิโลวัตต์ / 117.3 แรงม้า ต่อความจุหนึ่งลิตรของเครื่องยนต์ กราฟแสดงแรงบิดนั้นแตะอยู่ที่ปลายบนสุดที่ 560 นิวตันเมตรที่ 6500 รอบ  เครื่องขนาด 5.2 ลิตร V10 เครื่องนี้เป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูงไร้ระบบอัดอากาศ มันจะพาผู้ขับเข้าสู่ภวังค์ด้วยการตอบสนองของคันเร่งที่ไว โดยจะปั่นให้รอบหมุนได้กว่าขีด 8,000 รอบ ด้วยแรงดึงอันมหาศาลและเสียงที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้เมื่อรอบตวัดขึ้นไปเรื่อยๆ ดั่งเสียงจากเบสขนาดใหญ่ผสมกับเสียงแหลมดังกังวาน

lamborghini รุ่น Huracán





1) แลมโบกินีก่อตั้งในปี 1963 และถูกซื้อไปโดยออดี้ (Audi) ในปี 1998 โดยถือเป็นบริษัทในเครือโฟล์กสวาเกน (Volkswagen)


2) งานการตัดเย็บเบาะและแผงคอนโซลต่าง ๆ ภายในรถยนต์แลมโบกินีเป็นฝีมือของช่างตัดเย็บหญิงเท่านั้น ซึ่งผู้ชายไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในส่วนนี้


3) เฟอร์รุชิโอ แลมโบกินี ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวเกิดในราศีพฤษภ ซึ่งเป็นที่มาของตรากระทิงดุอันโด่งดังในปัจจุบัน นอกจากนี้ ชื่อของรถทุกรุ่นยังมาจากชื่อของวัวนักสู้ด้วย

4) แรกเริ่มเดิมที แลมโบกินีเป็นผู้ผลิตรถไถมาก่อน และถึงแม้ปัจจุบันพวกเขาจะไม่ได้ทำรถไถแล้ว แต่ก็ยังมีแผนกรถไถที่มีชื่อว่า Lamborghini Trattori หรือ Lamborghini Tractors ซึ่งเป็นทีมออกแบบที่เคยมีผลงานชั้นยอดอย่างแลมโบกินี กัลป์ลาร์ดอ (Lamborghini Gallardo)


5) ในวันหนึ่ง เฟอร์รุชิโอ แลมโบกินี ได้นำเฟอร์รารี 250จีที (Ferrari 250GT) ไปเปลี่ยนคลัช เอ็นโซ เฟอร์รารี ก็ได้บอกกับเขาว่า “นายมันเป็นแค่คนทำรถไถโง่ ๆ นายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสปอร์ตเลยใช่ไหมล่ะ” หลังจากนั้น 4 เดือน เฟอร์รุชิโอก็เปิดตัวรถสปอร์ตคันแรกของพวกเขา แลมโบกินี 350 จีทีวี (Lamborghini 350GTV) ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล


6) ในการเปิดตัวครั้งแรกของ แลมโบกินี 350 จีทีวี ที่ Turin Auto Show พวกเขายังหาเครื่องยนต์ที่เหมาะสมมาประจำการในรถรุ่นนี้ไม่ได้ จึงได้วางอิฐไว้ในห้องเครื่องแทน

7) แลมโบกินีมีศูนย์ฝึกการขับขี่ในฤดูหนาว สอนเทคนิคการขับขี่บนพื้นน้ำแข็งและหิมะโดยเฉพาะ ซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก


8) รหัสของแลมโบกินีทุกรุ่นจะนำหน้าด้วยตัวอักษร LP ย่อมาจาก Longitudinale Posteriore แปลว่า รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์วางตามแนวยาวอยู่ด้านหลังเบาะนั่ง แต่อยู่ด้านหน้าเพลาขับล้อหลัง หมายถึงเป็นรถยนต์แบบเครื่องยนต์วางตรงกลางนั่นเอง


9) ประตูปีกนกของแลมโบกินี สงวนไว้ให้รุ่น V12 เท่านั้น


10) ถ้าคุณต้องการให้แลมโบกินีใช้สีแดงไม่ว่าในส่วนใดก็ตาม เช่น ตัวถัง ก้ามเบรก ล้ออัลลอย ฯลฯ คุณต้องจ่ายเงินเพิ่ม เนื่องจากสีแดงเป็นสีสัญลักษณ์ของคู่แข่งตัวฉกาจอย่างเฟอร์รารี (Ferrari)


1. Lamborghini Egoista
รถยนต์ต้นแบบที่มีที่นั่งเพียงที่เดียว มันได้รับแรงบันดาบใจมาจากเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ดูแล้วก็เป็นดีไซน์ที่ล้ำยุคและลึกล้ำเหมือนกับรถในเกม Sci-Fi เลยทีเดียว และแน่นอนมันไม่ได้ถูกผลิต


2. The Marzal
รถยนต์ต้นแบบที่มีกระจกเป็นส่วนประกอบเด่น เช่น หลังคาและประตู และเหตุนี้ทำให้ท่าน Ferruccio Lamborghini กังวลว่าด้วยประตูแบบนี้จะทำมองทะลุเข้ามาเห็นขาอ่อนของแฟนสาวเจ้าของรถได้ อีกทั้งด้านท้ายรถยังดูเหมือนรถในวีดีโอเกมจนเกินไปอีก นอกจากภายนอกแล้วเครื่องยนต์ของรถคันนี้ก็ถือว่าแปลกในหมู่แลมโบกินี่ทั้งหมดเพราะมันใช้เครื่องแบบ 6 สูบเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้ทำให้มันไม่ได้ถูกผลิต


3. Lamborghini Sogna
รถคันนี้ถูกคาดหวังเอาไว้ว่าจะมาแทนรุ่นพี่ระดับตำนานอย่าง Lamborghini Countach มันใช้เครื่องยนต์แบบ V12 ความจุ 5.2 ลิตร กำลัง 455 แรงม้า ความเร็วสูงสุดมากกว่า 300 กม./ชม. และทั้งหมดคือสิ่งที่ดี แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแย่มากทำให้มันไม่ได้เกิดในสายการผลิตจริง


4. Lamborghini Pregunta
คำว่า “Pregunta” ในภาษาสเปนหมายถึง “คำถาม” รถคันนี้ถูกออกแบบโดยนักออกแบบชาวฝรั่งเศล มันใช้เครื่องยนต์แบบ V12 กำลัง 530 แรงม้า และด้วยการออกแบบหลังคาที่แปลกแหวกแนวนี้ (half roof) และไฟหน้าที่ออกคงเกิดคำถามมากมายตามมากมายจนมันไม่ได้ถูกผลิตจริง


Lamborghini Asterion LPI910-4

Lamborghini Aventador LP750-4 SuperVeloce

มาถึงตรงนี้เจ้าของบล็อคหวังว่าผู้อ่านหลายๆคน คงมีความอยากที่จะเป็นเจ้าของรถสปอร์ตคนนี้แล้วแน่นอน คราวหน้าเจ้าของบล็อคจะนำเสนอเรื่องอะไร อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ

ข้อมูลอ้างอิง

1) http://www.thairath.co.th/content/445047 : เครื่องยนต์
3) http://board.postjung.com/649305.html : ประวัติ
5) http://pantip.com/topic/30594697 : ประวัติ
6) http://car.kapook.com/view85676.html : 10 เรื่องที่คุณไม่เคยรู้

ภาพที่นำมาทำหัวข้อ



เรียบเรียงโดย : สุชานันท์ พวงมาลี

6 ความคิดเห็น:

  1. ข้อมูลเยอะมากๆเลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกสนใจและทึ่งในขั้นตอนของการผลิตรถ อยากได้รถยนต์แบบนี้บ้างจัง

    ตอบลบ
  2. ยิ่งอ่านยิ่งเพลินเลย ไม่นึกเลยว่าแลมโบว์กินีจะเกิดจากแค่ความไม่พอใจจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของรถที่ต้องใช้เงินมากมายในการที่่จะได้มันมา แต่มันแพงเหลือเกินนนนนนนน

    ตอบลบ
  3. ทำเนื้อหาได้ออกมาดีมากครับ

    ตอบลบ
  4. ทำเนื้อหาได้ออกมาดีมากครับ

    ตอบลบ
  5. แลมโบกินี้ รถในฝันเลย ครับ เป็นได้แค่ฝันนะ555555 ชอบเรื่องรถและก้ความเร็วมากครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  6. เนื้อหามีความน่าาสนใจมาก อ่านสนุกดี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าของเคยไปร่วมรบกับสงครามโลกด้วย และมีประเด็นเล็กๆแบบการพูดจาดูถูกจะทำให้สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ชอบมากค่ะ

    ตอบลบ